เกียวโต – โอซาก้า กิน ชิล ช้อป แบบครบถ้วน ( ฉบับ 3 วัน 2 คืน )

ทริปนี้เกิดจาก #ความหาทำ ล้วนๆ บอกเลยงานนี้มีเหนื่อยเพราะไปเยอะ ไปแยะ แม้เวลาจะไม่อำนวยก็ตาม

อย่างที่หลายคนทราบกันดีกว่าจาก Osaka – Kyoto ใช้เวลานั่งรถไฟแค่ 30 นาทีก็ถึงแล้ว ซึ่งถือว่าประหยัดเวลาและสะดวกมากๆ

เริ่มต้นที่โอซาก้า เมืองแห่งผู้คน ช้อปปิ้งและของกิน
– Dotonbori
– Shinsekai
– Namba Yasaka Shrine
– Orange Street
– Kuromon Market
การเดินทาง : ใช้ Subway และการเดิน แนะนำรองเท้าส้นเตี้ย เดินตีนแตกอะบอกเลย 555


เกียวโต เมืองแห่งศิลปะวัฒนะธรรม และธรรมชาติแบบจัดเต็ม
– Higashiyama (ฮิกาชิยาม่า)
– ย่านกิออน(Gion)
– Kamo river
– Pontocho Alley
การเดินทาง : ใช้รถบัสและการเดิน **การขึ้นรถบัสที่นี่ง่ายมาก แค่รับบัตรตอนขึ้น และยอดเหรียญตอนลงตรงข้างคนขับได้เลย


ขอพามาเริ่มที่เมืองสุดน่ารักที่เราประทับใจมากๆอย่าง Kyoto กันก่อน

เป็นเมืองต๊ะต่อนยอน ใช้ชีวิตสโลไลฟ์ ผู้คนใส่ชุดกิโมโนกันเป็นเรื่องปกติ เห็นได้แทบทุกมุม โดยเฉพาะตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ

จุดแรกที่เรามาถึงก็มุ่งหน้ามาที่ย่าน Higashiyama (ฮิกาชิยาม่า)
เป็นย่านการค้าฮอตฮิตตั้งอยู่บริเวณตรงเนินเขาที่เต็มไปด้วยร้านค้าร้านอาหาร
อาคารบ้านเรือนโซนนี้มีความเก่าแก่สไตล์โบราณ มองไปทางไหนก็น่ารักน่าถ่ายรูปไปหมด

ถ้าเพื่อนๆมาช่วงกลางวันที่นี่จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวแบบล้นถนน จะเข้าร้านไหนต้องต่อคิวยาวพอสมควร

ใครที่อยากได้รูปสวยๆแนะนำให้มาช่วงเช้าๆเลย ที่นี่จะเปิดทุกวัน 10:00 – 18:00 น.

เดินมาสะดวกตากับคาเฟ่ร้านนี้ Kyoto Coffee เป็นร้านขนาดใหญ่มี 2 ชั้น

นอกจากพวกเมนูกาแฟที่นี่ยังมีทั้งของที่ระลึกวางจำหน่ายอีกด้วย เสียดายวันที่เราชั้น 2 ปิด Private พอดี

เนี้ย! คนใส่ชุดกิโมโนมาเดินเล่นถ่ายรูปกันเยอะเลย พวกร้านเช่าก็เยอะมากเช่นกัน เห็นทุกมุมถนน

มาถึงมุมมหาชน ที่ทำให้เราอยากมาที่นี่ เจดีย์ยาซากะ (Yasaka Pagoda) หรือที่รู้จักในชื่อวัดโฮคันจิ (Hokanji Temple) เราตื่นมาถ่ายตั้งแต่ 7 โมงเช้า ยืนรออยู่นานมากกว่าคนจะโล่ง #ความหาทำ ที่แท้ทรู

ถ่ายทั้งภาพนิ่งทั้ง VDO จนพอใจได้เวลาไปต่ออีกที่นั่นก็คือย่าน Gion ซึ่งสามารถเดินจากจุดนี้ไปได้เลย แวะระหว่างทางไปได้เรื่อยๆ

วิวระหว่างทางมีทั้งวัด และศาลเจ้า ทางเรายกกล้องขึ้นมาถ่ายรัวๆ


ถึงแล้วย่าน Gion โซนราตรีแห่งเกียวโต มีคลองชิราคาวะไหลผ่าน

กลางวันค่อนข้างเงียบ แต่ทันทีที่ฟ้าเริ่มมืดย่านนี้จะคึกคักขึ้นมาทันที จะสามารถเห็นเหล่าเกอิชาเดินไปมาเลยละ

แถวนี้จะมีมุมให้เพื่อนๆเดินถ่ายรูปเยอะเลย เพราะจะเต็มไปด้วยต้นไม้ สะพานหิน และคลองเล็กๆ

บวกกับอากาศที่เย็นสบาย เพลิดเพลินเลยละ

พวกร้านคาเฟ่โซนนี้ก็น่ารักน่าเอ็นดูน๊า ถ้ามีเวลาน่านั่งแช่ที่สุด

ข้ามถนนใหญ่มาจะเจอกับแม่น้ำคาโมะ ให้คะแนนความชิลเต็มสิบไม่หัก

มีทางให้คนมาเดินทอดน่องยาวเป็นกิโล แล้วประเด็นคือมันไม่ร้อนเลย อากาศดีมากๆ ยิ่งช่วงเย็นจะมีนักดนตรีมาเปิดหมวก ชิลไม่ไหว

ใครมาเดินเล่นริมแม่น้ำจะเจอตรอกเล็กๆชื่อว่า Pontocho Alley (รอนโตโชว) ที่นี่จะกลิ่นไอความเป็นญี่ปุ่น

สองข้างทางจะเต็มไปด้วยร้าน isakaya หรือร้านเหล้าสไตล์ญี่ปุ่น เดินหิวตลอดทางแน่นอน

ตั้งแต่บริเวณริมแม่น้ำมาจรถึงถนนใหญ่ด้านหลังสามารถเดินเล่นได้หมดเลย ร้านค้าเยอะ เมืองสวยๆ

ขามาเดินเพลินจนรู้ตัวอีกทีก็ออกมาไกลมากๆแล้ว ขากลับก็สามารถขึ้นรถเมย์หรือรถไฟฟ้าใต้ดินได้เลยนะ


นั่งรถไฟกลับมาที่ Osaka เมืองแห่งผู้คน ช้อปปิ้งและของกิน แน่นอนว่าย่านที่ต้องห้ามพลาดคือ Dotonbori

ย่านช้อปปิ้งและกินดื่มมี Street food ให้เดินชิมเพียบ มีป้ายไฟกูลิโกะขนาดใหญ่เป็นแลนด์มาร์คของย่านนี้

ไม่ต้องสงสัยนะว่าทำไมเราถือเลข 32 ก็เพราะวันที่เราเดินทางเป็นวันเกิดพอดี เลยพกลูกโป่งมาถ่ายรูปเล่นซะเลย

เราชอบการพรีเซนต์หน้าร้านซึ่งแต่ละร้านจะนำเอาสิ่งที่ตัวเองขายมาตกแต่งทั้งปูยักษ์ ซูชิยักษ์ ปลาหมึกยักษ์ เกี๊ยวซ่ายักษ์ ไม่มีใครยอมใครเลย 555

การเดินทาง : สถานีรถไฟใต้ดินนัมบะ Namba


เดินต่อมาประมาณ 15 นาทีจะถึง Namba Yasaka Shrine ศาลเจ้าหัวสิงโตยักษ์อ้าปากขนาดใหญ่

ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าจะสามารถดูดโชคไม่ดีออกจากตัวเรา แล้วนำโชคดีหรือเรื่องดีๆกลับมาให้แทน

ตอนแรกว่าจะจบที่ไหว้เฉยๆ มาเห็น “แผ่นไม้เอมะ : 絵馬” อันนี้เลยซื้อมาเขียนขอพรแขวนไว้ซักหน่อย

ตรงที่แขวนคือมีทุกภาษาเลย


การเดินทาง : เดินนาทีจากย่านโดทงโบริ 15 นาที
เปิด : 6.00-17.00


ต่อกันที่ Kuromon Market (ตลาดคุโรมง) อาณาจักรของกินได้รับการขนานนามว่าเป็นครัวของโอซาก้า
ของสด ผลไม้ ซูชิ ซาซิมิ เนื้อย่าง เยอะเลย แถมราคาโอเคมีให้เลือกทานหลายอย่าง

ทางเราพุ่งตัวมาที่ร้าน Maguro ya Kurogin เป็นร้านขายทูน่าสดที่สามารถเลือกขนาด เลือกเมนูได้เอง

มีคุณลุงแร่สดให้ทาง ไม่ว่าจะเป็นเมนู ซาซิมิ ซูชิ หรือข้าวดงก็ได้

การเดินทาง :  Subway ลงสถานี Kintetsu-Nippombashi Station ทางออก 10


อีกย่านที่เป็นแหล่งรวมของกิน Shinsekai ย่านชินเซไก ถ้าย่าน

Dotonbori มีป้ายไฟกูลิโกะเป็นแลนด์มาร์ค ของที่นี่ก็มีหอคอย Tsutenkaku นี่ละ โดดเด่นสุดแล้ว

แม้ที่นี่จะมีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ก็มีพวกร้านนั่งดื่ม สังสรรค์ให้เลือกเยอะอยู่

ส่วนเรื่องสีสันไม่ต้องพูดถึง แดง เหลือง น้ำเงิน มาเต็ม

การเดินทาง : อยู่ระหว่างสถานีรถไฟใต้ดิน Dobutsuen-Mae และ Ebisucho


ย่านสุดท้ายของทริปนี้ คือ Orange Street เด็กแนว เด็กฮิปเตอร์รวมตัวกันอยู่ที่นี่

สองข้างทางเต็มไปด้วยช้อปเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ทั้งมือ 1 และมือ 2 ที่ถูกคัดสรรมาแล้ว

คาเฟ่ก็เยอะนะ สาย hopping น่าจะชอบ

ถ้าเพื่อนๆใจไม่แข็งพอบอกเลยว่าบานปลาย หมดตัวแน่ แต่ละร้านก็คือน่าซื้อฝาก ซื้อเก็บ

รวมถึงความเพลินในการมองแต่ละร้าน มีสไตล์ที่แตกต่างกันชัดเจน ทุกร้านมีลูกเล่นและดีเทลไม่ซ้ำใคร สมกับเป็นย่านของสายครีเอทีฟสุดฮิปจริงๆ

การเดินทาง : เดินจาก Namba Station ไม่เกิน 10 นาที


แถมอีกหน่อยกับบรรยากาศหน้าสถานี Osaka Station คือดี คือชิลไม่ไหว

มีจุดนั่งเช่น ห้างสรรพสินค้าเยอะ ถ้าเพื่อนๆมีเวลา โซนนี้ก็น่าสนใจไม่น้อยเลย


เอาละได้เวลาปิดทริปสั้นๆของเรา กับ 2 เมืองที่แตกต่างกันสุดขั้ว มีเสน่ห์คนละแบบ

รอบหน้าเราจะพาเพื่อนๆไปเที่ยวที่ไหนอีก ฝากติดตามกันด้วยน๊า

No Comments

Leave a Reply

Facebook

Facebook

About Me

Call me “Pui”, a kind of girl who enjoy travelling, meet some new friends and places. CHILL WITH ME is an area of our own journey stories willing to share and inspired you to fulfill your teenage dreams’ passion, pack your baggage and journey…round the world.

Instagram

Handpicked

Featured