ฟุกุโอกะแบบโนสนแลนด์มาร์ค

รอบที่ 2 แล้วสำหรับการมาเที่ยวเมืองฟุกุโอกะของเรา รอบนี้เลยอยากรวบรวมสถานที่แบบไม่ต้องแมสมาก แต่ความน่ารักเยอะมากๆมาฝากกัน ทั้งย่านช้อปปิ้ง คาเฟ่ เอาท์เลท และเมืองท่าสุดชิลที่อยากกดหัวใจให้รัวๆ

ถ้าเพื่อนๆพร้อมแล้วตามเราออกเดินทางด้วยกันมาเลยจ้า

สถานที่แรกที่อยากแนะนำคือ Mojiko port ตั้งอยู่ในเมืองคิตะคิวชู (Kitakyushu) ของจังหวัดฟูกุโอกะ

ความพิเศษของที่นี่คือเป็นเมืองท่าที่เคยรุ่งเรืองมากๆสมัยอดีต สถาปัตกรรมต่างๆได้อิทธิพลมาจากตะวันตก

ทำให้ที่นี่มีจุดเด่นและแตกต่างจากโซนอื่นๆในญี่ปุ่นเลยละ

เรามาเที่ยวที่นี่แบบเช้าเย็นกลับ วิธีการเดินทางคือ นั่งชินคันเซ็นมาโคคุระ (Kokura) 15 นาที แล้วเปลี่ยนมานั่ง JR ต่อมาที่สถานี Mojiko อีกที 15 นาทีก็ถึงแล้ว ถือว่าเดินทางสบายไม่เหนื่อยไม่เสียเวลา

ออกจากสถานีสามารถเดินเลียบริมทะเลมาได้เรื่อยๆ หรือจะเดินเลียบถนนมาก็ได้ ซึ่งตลอดทางจะมีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร และบรรดาตึกสวยๆเลยมาก

ส่วนตัวเราชอบตึกที่รูปร่างคล้ายดินสอนี่มากๆ ทั้งโทนสีและการออกแบบ ชวนให้หยิบกล้องขึ้นมาถ่ายสุดๆ

เราแอบวาปเข้าไปดูด้านในเค้าเป็นร้านอาหารแหละ

จากจุดนี้จะมองเห็นสะพานแขวนสีขาวขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า Kanmon Bridge ซึ่งเป็นสะพานเชื่อมระหว่าง “เกาะคิวชู” (Kyushu) และ “เกาะฮอนชู”(Honshu) ด้านล่างมีอุโมงค์ใต้น้ำให้คนสามารถข้ามไปมาได้ด้วย หูย! เท่ห์ไม่ไหวนะ

เดินเตร็ดเตร่มาเรื่อยๆจะถึงสะพาน Blue Wing Moji สีฟ้าตามชื่อเค้าเลย

เป็นสะพานแขวนระยะสั้นๆที่สามารถเปิด – ปิดได้ สำหรับคนเดินโดยเฉพาะ

ขนาดคนที่ปั่นจักรยานมายังต้องลงมาเดินแล้วเข็นจักรยานไปพร้อมๆกัน ชอบความมีระเบียบแบบขั้นสุด

เวลาที่สะพานจะเปิดเป็นรอบๆ ประมาณนี้ 10:00 น., 11:00 น., 13:00 น., 14:00 น., 15:00 น., 16:00 น.

หนึ่งในคาเฟ่ที่น่ารักมากๆของที่นี่คือ Mooon de Retro ซึ่งจะตั้งอยู่ในตึก  Former Moji Customs Office (旧門司税関) เลย โซนด้านนอนตกแต่งด้วยสีขาวสะอาดตา ด้านนอกติดริมทะเลพร้อมโต๊ะนั่งชมวิวทะเลและภูเขาไปพร้อมๆกัน

ร้านนี้จะเด่นเรื่องผลไม้สดที่เอามาตกแต่งเครื่องดื่ม มีให้เลือกหลากหลายชนิด แถมมีเฉพาะผลไม้ขายอีกด้วย

ทางเราสั่งเป็นไอศกรีมแล้วท้อปด้วยสตรอว์เบอร์รี่ลูกโตๆ ฉ่ำมงที่สุด!

นั่งกินไปชมวิวนี้ไป

อาคารด้านหลังที่เรายืนคือหอสมุดที่ระลึกความสัมพันธ์นานาชาติหรือ International Friendship Memorial Library

ปัจจุบันยังเปิดให้เข้าไปเยี่ยมชมอยู่นะ แต่ทางเราแวะมาถ่ายรูปด้านหน้าแล้วก็กลับ

ชอบความคลาสสิกของสถานีรถไฟ ยังเป็นไม้โบราณอยู่เลย

ถ้าเพื่อนๆพอมีเวลาเราว่าเมืองนี้น่าเที่ยวมากนะ มีครบทั้งจุดถ่ายรูป ร้านอาหารและคาเฟ่ แถมคนไม่เยอะ เทควิวอลังๆได้แบบสบาย


ต่อกันที่ถนนสายช้อปปิ้ง แหล่งรวมเด็กแนวเด็กอาร์ตอย่างย่าน Daimyo

ย่านนี้จะอยู่ติดกับ Tenjin เดินเข้าซอยมาหน่อยก็เจอ

ถนน 2 ข้างทางเต็มไปด้วยร้านเสื้อผ้าทั้งมือ 1 มือ 2 รองเท้า กระเป๋า คาเฟ่ ร้านอาหาร ไปจนถึงพวกร้านอิซากายะนั่งชิลยามเย็น รับรองว่าเดินเมื่อยแน่ๆ

ด้วยความอยากกินของหวานเลยเข้าไปหาร้านในเน็ตจนเจอคาเฟ่นี้ We ARE READY

เป็นร้านเล็กๆซ่อนตัวอยู่บนถนนของ Daimyo ทางเรามารอตั้งแต่ร้านยังไม่เปิดแหนะ อยากกินขนาดไหน 555

เค้กสตรอว์เบอร์รี่นุ่มฟูหวานกำลังดี กัดเข้าไปคือเจอสตรอว์เบอร์รี่ทุกคำ กินคู่ลาเต้อาร์ทร้อนๆ อะไม่ผิดหวังให้เต็มสิบ

บรรยากาศหน้าร้าน เผื่อใครอยากตามรอย

ร้านเปิดทุกวัน : 12.00 – 20.00 น.


ไหนๆก็แนะนำคาเฟ่แล้ว เอาไปอีกร้านแล้วกัน HOC(ホック)

โลเคชั่นมุมตึกย่าน Tenjin ตัวร้านสีน้ำตาลเด่นมาแต่ไกล ด้านในมีเคาเตอร์หน้าบาร์และโต๊ะนั่งไม่เยอะมาก

เราสั่งเมนูลาเต้และของหวานเป็นไอศกรีมชาเขียวท้อปด้วยชีสเค้กและสตอรว์เบอร์รี่ กินเพลินๆแปปเดียวก็หมด

ร้านเงียบสงบจนไม่กล้ายกกล้องขึ้นมาถ่ายเท่าไหร่ 555


มาต่อศาลเจ้า Koshida Shrine ขอพรกันบ้าง หนึ่งในศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองฟูกุโอกะ

ทั้งนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นจะแวะเวียนกันมาไหว้ขอพรกันอย่างไม่ขาดสาย

ที่นี่จะโด่งดังในเรื่องของสุขภาพและความสำเร็จในชีวิต ขอพรด้วยการโยนเหรียญแล้วอธิษฐาน

ถ้าเพื่อนๆเพิ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรกอยากให้เดินชมให้รอบๆ อย่างเรามาครั้งที่ 2 ก็เพิ่งจะรู้ว่าด้านหลังมีเสาโอริอิสีแดงซ่อนอยู่ด้วย แถมถ่ายรูปสวยเลยละ


ปิดท้ายด้วยสถานที่ช้อปปิ้ง Marinoa City ซึ่งถือว่าใหญ่ที่สุดบนเกาะแล้ว นั่งรถบัสออกจากตัวเมืองมาประมาณครึ่งชั่วโมง ที่นี่เต็มไปด้วยช็อปแบรนด์เนมมากมาย ร้านอาหาร เครื่องเล่น และไฮไลท์คือชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ที่สามารถขึ้นไปชมวิวได้จริงๆ **เสียดายวันที่เราไปฝนตก อดขึ้นเลย

ทางนี้ชอบวิวลานจอดรถ มองเห็นอาคารรูปร่างแปลกๆพอดิบพอดี

ที่นี่เราถ่ายรูปมาไม่เยอะ เพราะมัวแต่วิ่งหนีฝน แต่สถานที่จริงๆใหญ่มากนะ สายช้อปห้ามพลาดเลย


การเดินทางเราบินมากับ Vietjet

จากสุวรรณภูมิ – ฟุกุโอกะ เวลาดีลงเครื่องปุ๊ปเที่ยวต่อได้เลย

นั่งชิลบนเครื่องแบบไม่ต้องกลัวหิว เพราะเค้ามี Sky Cafe จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม

ฟีลนั่งกินข้าวบนที่สูง ชอบมากคุณ


เอาละได้เวลาปิดทริป สำหรับฟุกุโอกะรอบนี้ เน้นชิลเป็นหลัก เดินทางน้อยๆ นั่งพักนานๆ ก็สนุกดีนะ

แต่ถ้าเพื่อนๆอยากเก็บพวกแลนด์มาร์คสำคัญๆ เรามีรวมไว้แล้วใน EP.แรก

ลิ้งค์นี้เลยจ้า : https://www.chillwithmeblog.com/travel-abroad/fukuoka/

ทริปหน้าเราจะพาไปไหนอีก ฝากติดตามกันน๊า

No Comments

Leave a Reply

Facebook

Facebook

About Me

Call me “Pui”, a kind of girl who enjoy travelling, meet some new friends and places. CHILL WITH ME is an area of our own journey stories willing to share and inspired you to fulfill your teenage dreams’ passion, pack your baggage and journey…round the world.

Instagram

Handpicked

Featured